สุธาทิพย์ หรือ Hardeep เป็นเรือกลไฟที่บริษัทเดินเรือไทย จำกัด สั่งต่อขึ้นมา เพื่อใช้ บรรทุกสินค้า ของบริษัทฮ่องกงแอนด์แวมบัว จำกัด โดยนายเค ฟาร์สเดา เป็นวิศวกร ควบคุมการก่อสร้าง โครงสร้างทั้งลำเป็นเรือเหล็ก รูปหัวเรือตรงท้ายเรือรูปมน จนวนใบจักร 1 ใบ เครื่องไอน้ำ 3 สูบ ขนาด 105.5 แรงม้า ทั้งลำมีความยาว 68.11 เมตร กว้าง 10.84 เมตร สูง 5.43 เมตร ระวางบรรทุก 802.97 ตันเนต จดทะเบียนเมื่อวันที่ 12 กรกฎคม พ.ศ.2483 เลขทะเบียนและธงสัญญาณชื่อเรือ 447 เมืองท่าที่ขึ้นทะเบียนไว้ที่กรุงเทพฯ

บริษัทเดินเรือไทย จำกัด ได้นำสุทธาทิพย์ใช้เป็นเรือบรรทุกสินค้าท่องอยู่ในมหาสมุทร เป็นเวลา นาน 3 - 4 ปี ก่อนที่จะถูกกองทัพเรือเรียกเข้าไปช่วยราชการในสงครามมหาเอเซียบูรพา โดยใช้ เป็นเรือ บรรทุก ลำเลียงสัมภาระและยุทธปัจจัย

ระหว่างที่ฐานทัพเรือถูกโจมตีจากเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรนั้น สุทธาทิพย์จอดทอดสมอ อยู่ใน อ่าวสัตหีบ พร้อมกับเรือรบหลวงอื่น ๆ อีก 8 ลำ

ครั้นวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2488 อ่าวสัตหีบถูกโจมตีอย่างหนัก นาวาเอก กนก ผู้บัญชาการกองเรือที่ 2 ได้พิจารณาว่าข้าศึกคงจะโจมตีซ้ำอีกแน่ จึงสั่งให้เรือทุกลำที่จอด อยู่ใน อ่าวสัตหีบนั้น กระจายออกไปหลบตามเกาะหรือฝั่ง สุทธาทิพย์ ถูกกำหนดให้ไปจอด ด้านเหนือ เกาะจวง ระหว่างเกาะโรงโขนและโรงหนัง ในวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2488

ต่อมาวันที่ 1 มิถุนายน เวลา 12.36 นาฬิกา ข้าศึกโจมตีด้วยฝูงบินประมาณ 10 - 15 เครื่อง เป็นผล ให้เรือหลวงอ่างทองและเรือหลวงท่าจีน ถูกระเบิด 1 ชุด และโดยยิงกราดซ้ำ แล้วระเบิดขนาด 250 กิโลกรัม อีกลูกหนึ่งก็ตกลงที่กราบขวาของเรือหลวงท่าจีน บันไดเรือ ทะลุแฉลบไปโดนห้อง เครื่องใหญ่ เจาะทะลุลงไประเบิดในน้ำ ทำให้นายทหารบาดเจ็บ 3 นาย และบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 50 นาย

เรือหลวงอู่ทองถูกไฟไหม้ เรือหลวงท่าจีนแตกตามตะเข็บ น้ำท่วมห้องเครื่อง เสียหาย ใช้ การไม่ได้

เรือสุทธาทิพย์เป็นเรือที่ไม่มีปืนใหญ่คุ้มครอง ได้ถูกระเบิดที่กราบเรือ ไฟลุกท่วมและจมลง ใน เวลาต่อมา พลประจำเรือทุกคนต้องสละเรือว่ายน้ำขึ้นฝั่งที่เกาะจวง โชคดีที่ไม่มี ผู้เสียชีวิต

เรือสุทธาทิพย์เป็นเรือเพียงลำเดียวที่ถูกโจมตีและอับปางลงในครั้งนั้น

ปัจจุบัน Hardeep ถือได้ว่าเป็นครูของนักดำน้ำหลายคน ทั้ง ไทย - ฝรั่ง ที่แวะมาเยี่ยม เยียน อยู่สม่ำเสมอ มานานหลายสิบปี

กล่าวกันว่าถ้าใครได้มาดำน้ำที่ Hardeep แล้ว สามารถไปดำน้ำ ได้ที่ไหนก็ได้ใน โลกนี้ เพราะที่นี้ถือว่าเป็นจุดที่น้ำแรงมากแห่งหนึ่ง

Copyright www.bjornjensen.com

จับคู่กันลงไป โดยลงตามเชือกสมอ หรือโยทกา ที่ทิ้งไว้ที่เรือhardeep
เมื่อ Decend ลงไปได้ประมาณ 60 ฟุต จะเห็นกราบเรือด้านซ้าย (Port Side) ราง ๆ

เมื่อดำลงไปถึง Port Side แล้ว ให้ดูว่าน้ำแรงด้าน Deck หรือ ด้าน ท้องเรือให้ลงไปที่พื้นทรายด้านที่น้ำไม่แรง

แต่โดยปกติแล้ว ถึงน้ำจะแรงก็ลงไปที่ด้าน Deck ได้ เพราะกระแสน้ำจะปะทะด้านDeck แล้วไหลออกไปซ้ายและขวา ทำให้ตรงกลางอ่อน

ถ้าน้ำแรงให้อยู่ที่ด้าน Deck หรือ ท้องเรือ เท่านั้นอย่าว่ายรอบเรือ
เพราะจะหลุดลอยไปไกล

กรณีน้ำไม่แรง เมื่อลงไปที่พื้นทรายด้าน Deck แล้วให้รอเพื่อน ๆ ที่ตามลงมา จากนั้นว่ายวนรอบเรือ 1 รอบ โดยว่ายทวนกระแสน้ำ

แต่ถ้าน้ำแรงมากให้งดการว่ายรอบเรือ เพราะด้านหัวเรือ และท้ายเรือ น้ำแรงมาก ถ้าแข็งแรงไม่พอจะหลุดลอยออกไปจากตัวเรือ

เมื่อว่ายครบ 1 รอบมาบรรจบที่เดิม แล้วเช็คดูอากาศควร จะเหลือ ไม่น้อย กว่า 1,500 PSI หรือ 100 bar ถ้าต่ำกว่านี้ อย่าเข้าไปข้างในเรือ

เมื่อเข้าไปข้างในเรือ ถ้าเลี้ยวขวาจะมีช่องลอดพอดีตัวขึ้นไปที่ด้าน Port Side (สำหรับคนที่ Buoyancy ดี) แล้วลงมาในเรืออีก ทีทางช่องที่เขา เจาะเอาเครื่องยนต์ขึ้น จะเป็นห้องกว้างสามารถมองเห็น Boiler เพราะเรือลำนี้ใช้ไอน้ำในการเดินเรือ

ถ้าเลี้ยวซ้ายจะทะลุออกไปทางท้ายเรือได้ มีทางไป 2 ทางคือขึ้นบน หรือ ลงล่าง ถ้าขึ้นบนทางกว้าง ถ้าลงล่างทางแคบ

เมื่อไปถึงด้านท้ายเรือ(้ข้างในเรือ) จะเห็น ซานตาครอสแขวนอยู่ 1 ตัว

ใช้เวลาทั้งหมดที่ 100 ฟุต 20 นาที (Dive table ของ PADI) และเมื่ออากาศเหลือ 500 PSI หรือ 50 Bar คุณต้องพร้อมอยู่ที่เชือกสมอ เพื่อเตรียมตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ
และอย่าลืมทำ Safety Stop ที่ 15 ฟุต 3 นาที ด้วย

สามารถใช้บริการจากร้านดำน้ำ HIGH TIDE